พัฒนาการของโลกอันนำไปสู่สภาวะโลกาภิวัตน์
โรเบิร์ตสัน
(Globalization
หน้า 58-59) แบ่งพัฒนาการของโลกอันนำไปสู่สภาวะโลกาภิวัตน์ออกเป็น 5
ขั้นตอนอย่างหยาบๆโดยมองจากแง่มุมของกลุ่มประเทศในยุโรปเป็นหลัก ดังนี้
ขั้นตอนแรกเป็นขั้นก่อตัว
(the
germinal phase) เริ่มในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ไปจนถึงกลางศตวรรษที่ 18โดยเริ่มมีการจัดตั้งรัฐชาติ ลดบทบาทของแว่นแคว้นศักดินา
มีการขยายตัวของศาสนจักร ให้ความสำคัญแก่ความเป็นปัจเจกบุคคล
และรับความคิดเรื่องมนุษยนิยม เริ่มยอมรับสภาวะของความเป็นโลกเดียวกัน
มีการจัดทำแผนที่โลก ใช้ปฏิทินเกรกอเรียนแบบเดียวกัน เป็นต้น
ขั้นตอนที่สองเป็นขั้นตอนบ่มฟัก(the
incipient phase) เริ่มจากกลางศตวรรษที่
18 ไปจนถึงทศวรรษที่ 1870 เกิดการจัดตั้งรัฐชาติที่มีเอกภาพ
มีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการที่ชัดเจน
เกิดองค์การและหน่วยงานจำนวนมาก มีการกำหนดกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
การสื่อสารระหว่างประเทศขยายตัว
และเริ่มนำประเทศที่ไม่ใช่ยุโรปเข้าร่วมในสังคมระหว่างประเทศ
ขั้นตอนที่สามเป็นขั้นก้าวเดิน (the
takeoff phase) เริ่มจากกลางทศวรรษที่ 1920
ช่วงนี้มีการขยายแนวคิดความเป็นสากลมากขึ้น มีการกำหนดความหมายของสังคมระดับชาติหรือรัฐชาติที่ชัดเจน
ให้ความสำคัญกับความเป็นตัวตนของบุคคลและรัฐชาติ
ดึงประเทศนอกยุโรปเข้าไปร่วมในประชาคมโลก
มีการกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ชัดเจน
พยายามสร้างแนวคิดเรื่องมนุษยชาติ การสื่อสารระหว่างประเทศขยายตัวกว้างขางขึ้นและรวดเร็วขึ้น
มีการจัดกิจกรรมระหว่างประเทศ
ขั้นตอนที่สี่เป็นช่วงดิ้นรนเพื่อครองอำนาจในโลก
(the
struggle-for-hegemony phase) เริ่มจากต้นทศวรรษที่ 1920
ไปจนถึงทศวรรษที่ 1960 ช่วงนี้เป็นช่วงของความขัดแย้ง เนื่องจากมหาอำนาจบางประเทศต้องการเข้าครองอำนาจโลก
ถึงแม้มีการกำหนดหลักการว่าด้วยความเป็นเอกราชของชาติแล้วก็ตาม
ตึความขัดแงระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่มอักษะได้นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
เกิดองค์การสหประชาชาติ เมื่อสิ้นสงครามมีประเทศเอกราชเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก
ประเทศเหล่านี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มโลกที่สาม
ขั้นตอนที่ห้าเป็นช่วงที่ขาดความแน่นอน (the
uncertainty phase) เริ่มจากทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา
โลกต้องประสบปัญหาความขัดแย้งบ่อยขึ้น
ช่วงนี้มีประเทศโลกที่สามเข้ามาร่วมในประชาคมโลกตอนปลายทศวรรษที่ 1960 มากขึ้น ประเทศเหล่านี้ถูกดึงเข้ามาอยู่ในกระแสความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเป็นเวลาหลายปีกว่าที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดลง
ปรากฏการณ์ที่วางพื้นฐานสู่สภาวะสากล ได้แก่
การจัดตั้งและขยายตัวขององค์การและขบวนการโลกมากาย
แต่ละสังคมเผชิญปัญหาการมีวัฒนธรรมและชนชาติหลากหลาย เกิดแนวคิดที่ให้ความสนใจเรื่องสิทธิพลเองและมนุษยนิยม
สังคมประชา การเป็นพลเมืองโลก ความขัดแย้งระหว่างค่ายอำนาจสองขั้วสิ้นสุดลง
ระบบสื่อสารมวลชนระดับโลกได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและครอบคลุม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น